คุณสามารถใช้โมเดล Gemini API ช่วยเหลือในการแชท สร้างบทความและวิเคราะห์เชิงทำนายได้
ติดต่อทีมนักพัฒนา บ้านรักคอม มีเดียโปรดักชั่น ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที ใช้งานได้เลย

 Haeder Image

โฆษณาที่มาพร้อม AI Gemini และ Data Studio ขั้นสูง

Looker Studio API หัวใจหลัก ของการใช้งาน ADS ผ่านการประมวลผลด้วย Gemini ซึ่งเป็นการพัฒนาการเชื่อมต่อโมเดล AI ของ Google


ปลดล็อคธุรกิจ เสริมประสิทธิภาพ Web Application ของคุณ
เรียกใช้งาน Gemini API พัฒนาการเชื่อมต่อกับโมเดล AI ของ Google

 


 

หลักการทำงานของ Looker Studio API

 

หลักการทำงานของ API ไม่ใช่การ "ฝัง" (Embed) รายงานในหน้าเว็บโดยตรง แต่เป็นการให้เว็บแอปพลิเคชันของคุณ (ในที่นี้คือ PHP App) สามารถ สั่งการและจัดการทรัพย์สิน (Asset Management) ที่อยู่ใน Looker Studio ได้จากฝั่งเซิร์ฟเวอร์

กระบวนการทำงานเป็นดังนี้:

  1. การขออนุญาต (Authorization): แอปพลิเคชัน PHP ของคุณจะส่งผู้ใช้ไปยังหน้าจอขอความยินยอมของ Google (Google Consent Screen) ผ่านกระบวนการ OAuth 2.0 เพื่อขอสิทธิ์ในการจัดการ Looker Studio ในนามของผู้ใช้คนนั้น

  2. การรับโทเค็น (Token Exchange): เมื่อผู้ใช้กดยินยอม Google จะส่งรหัส (Authorization Code) กลับมาให้แอปของคุณ แอปจะนำรหัสนี้ไปแลกเป็น Access Token ซึ่งเปรียบเสมือนกุญแจชั่วคราวสำหรับเข้าถึง API

  3. การส่งคำสั่ง (API Calls): แอปของคุณจะใช้ Access Token นี้แนบไปกับทุกๆ คำสั่ง (Request) ที่ส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Looker Studio API เช่น "ค้นหารายงานทั้งหมด" หรือ "แชร์รายงานนี้ให้ user@example.com"

  4. การรับผลลัพธ์ (Response): เซิร์ฟเวอร์ของ Google จะตรวจสอบสิทธิ์จาก Access Token แล้วประมวลผลคำสั่ง ก่อนจะส่งผลลัพธ์กลับมาในรูปแบบข้อมูลที่มีโครงสร้าง (ส่วนใหญ่เป็น JSON) เพื่อให้แอปของคุณนำไปใช้งานต่อ

พูดง่ายๆ คือ เว็บแอปของคุณทำหน้าที่เป็น "รีโมทคอนโทรล" เพื่อสั่งงาน Looker Studio จากระยะไกล ผ่านชุดคำสั่งที่กำหนดไว้


 

คุณสมบัติหลักของ Looker Studio API 

 

API ถูกออกแบบมาเพื่องานด้านการจัดการเป็นหลัก ไม่ใช่การแก้ไขเนื้อหารายงาน คุณสมบัติเด่นๆ ที่ทำได้คือ:

  • การค้นหาทรัพย์สิน (Search Assets): ค้นหารายงาน (Report) และแหล่งข้อมูล (Data Source) ตามเงื่อนไขต่างๆ เช่น ค้นหาตามชื่อ, ตามเจ้าของ, หรือตามประเภท

  • การจัดการสิทธิ์ (Permission Management): นี่คือคุณสมบัติที่ทรงพลังที่สุด คุณสามารถใช้โค้ดเพื่อ:

    • แชร์ รายงานหรือแหล่งข้อมูลให้กับผู้ใช้หรือกลุ่ม (Google Groups) ที่ต้องการ

    • กำหนดสิทธิ์ เป็นผู้มีสิทธิ์ดู (Viewer) หรือผู้มีสิทธิ์แก้ไข (Editor)

    • ยกเลิกการแชร์ หรือลบสิทธิ์การเข้าถึง

  • การคัดลอกรายงาน (Copying Reports): คุณสามารถสร้างสำเนารายงานจาก "รายงานต้นแบบ" (Template) ที่สร้างไว้ล่วงหน้าได้ ซึ่งมีประโยชน์มากสำหรับการสร้างรายงานที่เป็นมาตรฐานให้กับลูกค้าหรือผู้ใช้ใหม่แต่ละรายโดยอัตโนมัติ

 

 

 

ขอบเขตและข้อจำกัดในการใช้งาน ⚠️

 

การเข้าใจขอบเขตและข้อจำกัดเป็นสิ่งสำคัญมากเพื่อวางแผนการพัฒนาได้ถูกต้อง

ขอบเขตการใช้งาน (What you CAN do):

  • สร้างระบบอัตโนมัติ: ลดงานแอดมินที่ต้องทำซ้ำๆ เช่น เมื่อมีลูกค้าใหม่ในระบบ CRM ของคุณ ก็สั่งให้ API สร้างและแชร์รายงาน Looker Studio ให้ลูกค้ารายนั้นทันที

  • ผสานการจัดการรายงานเข้ากับ Workflow ของแอป: เช่น สร้างปุ่ม "ขอสิทธิ์เข้าถึงรายงาน" ในเว็บแอปของคุณ เมื่อผู้ใช้กด ก็จะส่งคำขอไปให้แอดมินอนุมัติ แล้ว API จะทำการแชร์สิทธิ์ให้โดยอัตโนมัติ

  • จัดการผู้ใช้จำนวนมาก: หากต้องการเปลี่ยนสิทธิ์ผู้ใช้ 100 คนพร้อมกัน การเขียนสคริปต์ผ่าน API จะง่ายและเร็วกว่าการคลิกทำเองทีละคน

 

ข้อจำกัด (What you CANNOT do):

  • ไม่สามารถสร้างรายงานใหม่จากศูนย์: คุณไม่สามารถใช้ API สั่งว่า "จงสร้างรายงานใหม่ที่มีกราฟแท่ง โดยใช้ข้อมูลจากคอลัมน์ A และ B" ได้ ทำได้เพียง คัดลอก จากรายงานที่มีอยู่แล้วเท่านั้น

  • ไม่สามารถแก้ไขเนื้อหาในรายงาน: คุณไม่สามารถใช้ API เพื่อเพิ่ม/ลบกราฟ, เปลี่ยนสี, แก้ไขข้อความ, หรือปรับเปลี่ยนดีไซน์ต่างๆ ภายในตัวรายงานได้ การแก้ไขเหล่านี้ยังต้องทำผ่านหน้าเว็บของ Looker Studio โดยตรง

  • ไม่สามารถสั่งให้ข้อมูลรีเฟรช (Data Refresh): API ไม่สามารถสั่งให้แหล่งข้อมูลดึงข้อมูลล่าสุดได้ ตารางการรีเฟรชข้อมูลยังคงต้องตั้งค่าภายในแหล่งข้อมูลของ Looker Studio เอง

 

 

สรุปข้อดีและข้อเสีย

 

ข้อดี (Pros)  ข้อเสีย (Cons) 
ลดขั้นตอนและเป็นอัตโนมัติ (Automation): ประหยัดเวลาและลดความผิดพลาดจากงานที่ต้องทำด้วยตนเองซ้ำๆ ความซับซ้อนในการตั้งค่า (Setup Complexity): กระบวนการตั้งค่าบน Google Cloud และ OAuth 2.0 ค่อนข้างซับซ้อนและต้องอาศัยความเข้าใจทางเทคนิค
ขยายผลได้ง่าย (Scalability): รองรับการจัดการรายงานและสิทธิ์ของผู้ใช้จำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฟังก์ชันจำกัด (Limited Functionality): ทำได้แค่จัดการ "กรอบ" ของรายงาน แต่ไม่สามารถยุ่งกับ "เนื้อหา" ภายในได้
การผสานรวม (Integration): สามารถเชื่อมโยงการจัดการรายงานเข้าเป็นส่วนหนึ่งของตรรกะทางธุรกิจในเว็บแอปของคุณได้ การพึ่งพา Google (Dependency): หาก Google API มีปัญหาหรือเปลี่ยนแปลงนโยบาย อาจส่งผลกระทบต่อฟังก์ชันของแอปคุณได้
สร้างความสอดคล้อง (Consistency): ใช้รายงานต้นแบบเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้ทุกคนจะได้รับรายงานที่มีมาตรฐานเดียวกัน ต้องการสิทธิ์ระดับผู้ดูแลระบบ (Admin Rights Needed): การตั้งค่าบางอย่าง (เช่น Domain-Wide Delegation) จำเป็นต้องให้ผู้ดูแลระบบ Google Workspace เป็นผู้ดำเนินการให้ ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคได้

 

 

 







บทความ บริการของเรา Digital Transformation

Looker Studio API หัวใจหลัก ของการใช้งาน ADS ผ่านการประมวลผลด้วย Gemini ซึ่งเป็นการพัฒนาการเชื่อมต่อโมเดล AI ของ Google