ออกแบบเว็บไซต์ของคุณ ให้รองรับการตลาดออนไลน์ทุกรูปแบบ เพื่อผลลัพธ์ทางธุรกิจ เพิ่มยอดขายได้อย่างชัดเจน เรา" เริ่มต้นจากกระบวนการศึกษาสภาพปัญหา และความต้องการของลูกค้า พร้อมให้คำแนะนำในการวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ในการพัฒนา นำเสนอแนวทางในการออกแบบ
โครงสร้างเว็บไซต์ที่มีการทำงานร่วมกับระบบจัดการข้อมูลที่ได้รับการออกแบบอย่างเหมาะสมกับการดำเนินธุรกิจของคุณ
ในการพัฒนานวัตกรรมเรามุ่งเน้นรูปแบบการตลาด เพื่อเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์อย่างเป็นระบบที่เน้นการทำงานร่วมกับบุคลากรในองค์กร ด้วยผลการวิจัยการพัฒนา
ระบบจัดการข้อมูลการตลาด วิเคราะห์เนื้อหา รวบรวมข้อมูล SEO เพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญสําหรับคําหลักเป้าหมาย ที่สามารถวิเคราะห์ความสนใจกลุ่มเป้าหมาย เส้นทางการซื้อของลูกค้า เพื่อให้ได้กลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
แนวทางนำเสนอเนื้อหา
การออกแบบเว็บไซต์ เป็นส่วนหนึ่งในการจัดการข้อมูลที่นำมาช่วยตัดสินใจ โดยมีระบบหลังบ้านที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง การแสดงผลในรูปแบบแคตตาล็อก ซึ่งจะทำให้ลูกค้าสามารถจัดทำโฆษณา ส่งเสริมการขาย ผลักดันผลิตภัณฑ์ สินค้า และบริการของคุณให้เป็นไปตามความสนใจของลูกค้า ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจของคุณมีต้นทุนที่ลดลง และลดความเสี่ยงต่อต้นทุนการผลิต รับรู้ถึงความสนใจของลูกค้า ที่มีต่อผลิตภัณฑ์ในแต่ละพื้นที่ ทำให้ง่ายต่อการขยายธุรกิจ และยังส่งผลประโยชน์ในด้านอื่นๆ อีกมากมาย
การจัดกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ดีหรือรูปแบบผลิตภัณฑ์จะเพิ่มผลลัพธ์สูงสุด
ขั้นตอนที่ 2. เขียนรายละเอียดและเตรียมภาพ
คําอธิบายผลิตภัณฑ์ควรเขียนให้สั้น 30 ในพาดหัว และ 90 อักษรใน พาดหัวรอง ข้อความมุ่งเน้นไปที่จุดขายหลัก เน้นการใช้ประโยชน์และแสดงถึงคุณสมบัติมากที่สุด
รูปภาพที่สวยงาม คือ "ความคุ้มค่า 1 ภาพ เท่ากับ 1 พันคํา" และเป็นความจริง การถ่ายภาพผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมสามารถสร้างหรือทําลายยอดขายได้ ภาพประกอบที่ไม่ดีจะทําให้มูลค่าของผลิตภัณฑ์ลดลงอย่างชัดเจน
ขั้นตอนที่ 3. จัดวางหน้า
ผลิตภัณฑ์ที่ขายดีและสร้างผลกําไรสูงควรได้รับตําแหน่งสําคัญและการจัดสรรพื้นที่มากที่สุด
สร้างสมดุลระหว่างรูปภาพและข้อความตลอดเพื่อการผสมผสานข้อมูลและการมีส่วนร่วมที่ลงตัว
ขั้นตอนที่ 4. ออกแบบ
สร้างการออกแบบหรือเทมเพลตที่คุณจะใช้ตลอดโดยเปลี่ยนเฉพาะหน้าขายดีคุณลักษณะหรือหน้าเซอร์ไพรส์ที่สะดุดตาเท่านั้นจากนั้นเปลี่ยนกลับเป็นโฟลว์ที่คุ้นเคย
รักษาสี ตัวพิมพ์ แบบอักษร และรูปแบบการจัดวางให้สอดคล้องกัน และทําให้แน่ใจว่าแบรนด์ของคุณโดดเด่นและใช้งานได้ดีตลอด
ขั้นตอนที่ 5. การตลาดและการวิเคราะห์ตลาด
ทําการตลาดผลิตภัณฑ์ของคุณโดยมีเป้าหมายเพื่อขายสินค้า ดังนั้นคําอธิบายที่ดี กระชับ ตอบโจทย์และข้อคัดค้านต่างๆ ของลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์
เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลในการทำการตลาด จึงต้องมีการเชื่อมต่อกับชุดข้อมูลสาธารณะ เช่น คลังโฆษณา Meta Face Book, Google Trends, Google Search นำมาเปรียบเทียบ สังเคราะห์ข้อมูลเพื่อจัดการกับความท้าทายทางธุรกิจทั่วไป เช่น การระบุแนวโน้มในร้านค้าปลีกของคุณ การคาดการณ์ความต้องการผลิตภัณฑ์ และพัฒนาแคมเปญการตลาดใหม่ๆ
การสร้างแบบจำลองการคาดการณ์ความต้องการ เรียนรู้วิธีสร้างแบบจำลองอนุกรมเวลาที่คุณสามารถใช้เพื่อคาดการณ์ความต้องการขายปลีกสำหรับผลิตภัณฑ์หลายรายการ
สร้างเว็บแอพพยากรณ์ เรียนรู้วิธีสร้างเว็บแอปที่ใช้ประโยชน์จากโมเดลการคาดการณ์หลายรูปแบบ รวมถึงการคาดการณ์ยอดขายผลิตภัณฑ์ สำรวจผลกระทบของพารามิเตอร์ต่างๆ
ขั้นตอนที่ 6. โปรโมท การทำโฆษณา จัดทำโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขาย และกระตุ้นการแชร์โฆษณา (การบอกต่อ)
การจัดทำโฆษณาผ่าน Social Network
การจัดทำโฆษณาผ่าน Google ADS
การวิเคราะห์ Keyword จากผลการวิจัยและทดลอง ปรับปรุงเนื้อหาเพื่อการทำโฆษณาแบบ Search ที่เปลี่ยนตามบริบท
ขั้นตอนที่ 7. ทดสอบและปรับปรุง
การใช้ข้อมูลเชิงลึก
การนำข้อมูลจากการแบบสอบถาม
การใช้ระบบสมาชิก ระบบบริการลูกค้า ระบบการสนทนา ระบบการวิเคราะห์ผลจากบันทึกการโต้ตอบของพนักงานที่มีต่อบริการ
เพื่อนำมาค้นหาผลกระทบ ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในสถานะการณ์ต่างๆ นำมาช่วยการปรับปรุงบริการ ผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงซอร์ฟแวร์ได้อย่างถูกต้องตรงประเด็น
วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก
เราออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์ Google My Business และแอปพลิเคชันตามความต้องการของเจ้าของธุรกิจ เพื่อให้ได้มาซึ่งความพึ่งพอใจ ด้วยการผสมผสานเครื่องมือที่เพิ่มโอกาสให้ลูกค้าในพื้นที่เข้าถึงเนื้อหาบนเว็บไซต์ธุรกิจของคุณอย่างโดดเด่นบน Google Search และ Maps ด้วยการวิเคราะห์ ข้อมูล ปัจจัยที่ส่งผลต่อเว็บไซต์ เพื่อปรับปรุงสถานะออนไลน์ของคุณจากข้อมูลเชิงลึกในรูปแบบเมตริก การโต้ตอบกับลูกค้า การเข้าถึงแหล่งข้อมูล สินค้า บริการและผลิตภัณฑ์จากภูมิภาคต่างๆ ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพที่เป็นประโยชน์กับเจ้าของธุรกิจ พร้อมด้วย "คีย์เวริ์ด" ที่นำไปสู้การขยายธุรกิจของคุณอย่างมีประสิทธิภาพด้วย Google Ads เพื่อช่วยให้ธุรกิจของคุณมีจุดยืนที่สูงมากขึ้น
เว็บไซต์ช่วยขยายตลาด กำหนดเส้นทางขายอย่างไร?
ระบบฐานข้อมูลของเรา "บริษัท บ้านรักคอม มีเดีย โปรดักชั่น" มีกระบวนการศึกษา วิเคราะห์ รูปแบบการออกแบบการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อให้ได้มาซึ่งระบบสารสนเทศด้านข้อมูลที่ถูกต้อง มีขั้นตอนที่สะดวกเป็นมาตราฐาน ง่ายต่อการนำไปใช้ ด้วย DataFlow ที่ทันสมัย ช่วยสนับสนุนการตลาด Online ด้วยทักษะผู้ใช้งานด้านคอมพิวเตอร์เพียงเล็กน้อย โดยมีภาพรวมดังนี้
เว็บไซต์ ระบบสารสนเทศด้านข้อมูล Work Flow ที่ช่วยสนับสนุนโครงสร้างการนำเสนอแบบแคตตาล็อก เพื่อเป้าหมายในการสร้างการขายแบบ Passive Income
ระบบวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย , Analytic, ADS เป็นทางลัดที่มุ่งเน้น ผลลัพธ์ทางธุรกิจ เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการศึกษากลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจน
ระบบจัดทำโฆษณาและ AI อัจฉริยะ ที่รวบรวมข้อมูความนิยม ความสนใจ ความต้องการของลูกค้า ทราบถึงเส้นทางซื้อที่มีต่อสินค้าของคุณ เพื่อกำหนดกลยุทธ์ตลอด 24 ชม.
ระบบบริการซื้อขายสินค้า Google Profile Business, Google Shopping, พร้อมระบบชำระเงินต่างประเทศที่ช่วยให้ Online ซื้อ-ขาย แบบไม่มีค่าใช้จ่าย ฟรี ได้ 24 ชม.
ระบบการแสดงโฆษณาของเราใช้กลุ่มเป้าหมายที่กำหนดเอง ที่คุณใช้อ้างอิงกลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกันเป็นแนวทางสำหรับการแสดงโฆษณา
สรุปเป้าหมายทางธุรกิจ ขายสินค้าทางออนไลน์ได้มากยิ่งขึ้น ดังนั้นเพิ่มยอดขายออนไลน์โดยการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่และสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า
การวิเคราะห์และออกแบบระบบด้านข้อมูล
แนวทางปฏิบัติเพื่อเป้าหมายการขาย
ทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย เพิ่มยอดขายได้โดยไม่ต้องเพิ่มคน เราออกแบบระบบมาเพื่อผู้ที่ขายสินค้าหลายช่องทางโดยเฉพาะ
จัดการคำสั่งซื้อจากหลายช่องทาง
banrukcom.net พัฒนาระบบจัดการสินค้าออนไลน์ที่สามารถเชื่อมต่อกับทุก Marketplace เช่น Lazada, Shopee ก็สามารถจัดการได้ อย่างง่ายดาย
พิมพ์ใบเสร็จ, ชื่อ-ที่อยู่ แปะกล่องพัสดุอัตโนมัติ
banrukcom.net ช่วยลดระยะเวลาในการเขียนใบจ่าหน้าเอง สามารถพิมพ์ใบจ่าหน้าซองตามรูปแบบของผู้ให้บริการขนส่งไม่ว่าจะเป็น ไปรษณีย์ไทย, Kerry Express, Alpha, DHL หรือผู้ให้บริการอื่นๆ อย่างง่ายดาย รวมถึงมีลิงค์เช็ค Tracking สำหรับร้านค้าของคุณโดยเฉพาะ
ระบบรายงานที่สมบูรณ์แบบ
banrukcom.net เราสร้างระบบรายงานที่หลากหลายเช่น ยอดขาย, คลังสินค้า, การจัดส่ง, ลูกค้า รวมถึงสามารถดึงข้อมูลที่คุณต้องการออกมาเป็นรายงาน, กราฟ หรือ Export ไฟล์ในรูปแบบ Excel ช่วยให้คุณวิเคราะห์ธุรกิจได้อย่างสะดวก
จัดการสต๊อกสินค้าอย่างมืออาชีพ
รวบรวมสต๊อกสินค้าไว้ที่จุดเดียว ไม่ว่าคุณจะขายสินค้าหลากหลายช่องทาง หรือมีคลังสินค้าหลายแห่ง banrukcom.net จะช่วยให้คุณทราบว่าขณะนี้มีสต๊อกคงเหลืออยู่เท่าไหร่ เก็บประวัติการเข้า – ออกของสินค้า ง่ายดายไม่พลาดทุกรายละเอียด มีรายงานสรุปผลที่มีความแม่นยำสูง
ระบบจัดการ Landing Page หรือ Sale Pages
banrukcom.net มีบริการเทมเพลตของ Sale Page ที่สามารถออกแบบได้อย่างง่ายดายด้วยระบบ Drag and Drop ยังเชื่อมต่อกับ Google Business,
Google Analytic, Facebook Pixel, Google Ads, จัดการข้อมูลซื้อ-ขาย ทุกออเดอร์ผ่านระบบหลังบ้าน Back End ที่สามารถเพิ่มเติมโปรแกรมจัดการข้อมูลได้หลากหลายตามความเหมาะสม
เชื่อมต่อหรือพัฒนาโปรแกรมประยุกต์
การขยายระบบสารสนเทศ เพื่อรองรับการเติบโตจากการขยายตลาดที่สามารถเชื่อมต่อกับแฟลตฟอร์ม e-Commerce, Marketplace ด้วยระบบที่เราออกแบบและพัฒนามีความยึดหยุ่นต่อการ
ขยายระบบให้มีความสามารถมากยื่งขึ้น เช่น การนำเสนอสื่อโฆษณาแบบถ่ายทอดสด Live Streming เทคนิคโฆษณาด้วย Video Ondemand, การจัดการสมาชิกด้วย CRM, Accounting, และเชื่อมต่อไปยัง
Fulfillment, ERP ช่วยในการวางแผนจัดสรรทรัพยากรด้วยระบบอัจฉริยะ ที่สามารถคาดการณ์ปริมาณคำสั่งซื้อจากการวิเคราะห์ข้อมูล eco-system คุณภาพสูงประหยัดเวลาในการประมวลผลสำหรับอุตสาหกรรม ลดค่าใช้จ่ายในกระบวนการโลจิสติก
ระบบรายงานสรุปผล ข้อมูลรายงานสรุปผล
ระบบรายงานสรุปผลที่รวบรวมข้อมูลตั้งแต่กระบวนการแรกของการทำงาน การรายงานความสนใจต่อผลิตภัณฑ์ การคัดแยกประเภทผลิตภัณฑ์ จำแนกคำสั่งซื้อ ปริมาณ ภูมิภาค ช่วงเวลาและปัจจัยที่ต้องคำนึกถึงด้วยวิธีการเก็บ
รวบรวมข้อมูลไปยังแหล่งข้อมูลที่สามารถประมวผลเพื่อคาดการณ์ปริมาณคำสั่งซื้อในอนาคต พร้อมการสรุปผลในรูปแบบรายงานอย่างเหมาะสมต่อการตัดสินใจในระดับบริหาร ซึ่งส่งผลให้เกิดรายงานที่มีความถูกต้องแม่นยำ ตรวจสอบย้อนหลังได้อย่างชัดเจน
ลดเวลาในการทำงานได้ถึง 15-20% และความข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในกระบวนการต่างๆ จะได้รับการปรับปรุงแก้ไขอย่างต่อเนื่องด้วยรายงานที่สรุปผลอย่างมีคุณภาพ
ดังนั้นการเลือกใช้เทคโนโลยีที่สูงขึ้นควบคู่กับผลกำไรที่เกิดขึ้น การเลือกใช้ Google Cloud สำหรับการค้าปลีกที่ผสมผสานเทคโนโลยีสำเร็จรูปหรือแบบที่ดพกนดเองได้ เพื่อการขับเคลื่อนธุรกิจสร้างการเติบโตได้อย่างคุ้มค่า
Solutions Google Cloud
เสริมประสิทธิภาพเพื่อเป้าหมายการขาย
พัฒนาโมดูล / เสริมประสิทธิภาพ
ระบบรับสมัคร เข้าร่วมกิจกรรม
ระบบลงทะเบียน เรียนในภาคเรียน
ระบบนำเสนอเหตุการณ์และกิจกรรม
ระบบอัตโนมัติทางการตลาด
ระบบสนับสนุนฝ่ายขาย
ระบบการบัญชี
ระบบจัดการรายการสิ่งสินค้าและบริการ
อีคอมเมิร์ซ (ระบบซื้อขายออนไลน์)
ระบบจองห้องพัก จองการเดินทาง จองรถเช่า
การติดตามและวิเคราะห์ข้อมูล Funnel & Customer
ระบบคัดสรรค์ข้อเสนอที่เหมาะกับสมาชิก
ระบบแจ้งโปรโมชั่นเสนอขายต้องกับความต้องการผู้ใช้งาน
ผสานการทำงานกับ Odoo Apps ได้อย่างเต็มรูปแบบ ที่สุดของโซลูชั่น หนึ่งเดียวเพื่อการบริหารอย่างสมบูรณ์แบบ
ระบบสนับสนุนการขาย Sales
ระบบอีคอมเมิร์ซ Ecommerce
ระบบจัดการบัญชี Accounting
ระบบเช่า Rental
ระบบออกแบบ ใบแจ้งหนี้ Invoicing
ระบบบริหารจัดการลูกค้า CRM
ขั้นตอนจัดการเวิร์กโฟลว์การตลาดดิจิทัล
จัดการซัพพลายเออร์ และคำสั่งซื้อได้ง่าย ๆ ปรับปรุงประสิทธิภาพซัพพลายเชนและระบบสินค้าคงคลังของคุณ
ทำงานโดยอัตโนมัติในเวิร์กโฟลว์การจัดซื้อของคุณ ส่ง RfQ ไปยังซัพพลายเออร์ของคุณโดยอัตโนมัติ โดยอ้างอิงจากระดับสต๊อกของคุณปรับปรุงประสิทธิภาพระบบจัดซื้อและสินค้าคงคลังของคุณด้วยกฎการจัดหาที่อิงตามระดับสินค้าในสต๊อก กฎการขนส่ง คำสั่งขาย คำสั่งผลิตตามที่คาดการณ์ เป็นต้น เลือกวิธีการเติมสินค้าที่แตกต่างกันในแต่ละสินค้าตามกลยุทธ์การผลิตและการส่งมอบของคุณ
รายการราคาสินค้าและความพร้อมจำหน่ายของซัพพลายเออร์ ตัดสินใจในการจัดซื้อต่างๆ อย่างชาญฉลาดในราคาที่ดีที่สุด ทำได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะนำเข้ารายการราคาและเอกสารอ้างอิงของซัพพลายเออร์เพื่อการตัดสินใจซื้อที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้นโดยพิจารณาจากโปรโมชั่น ปริมาณ และเงื่อนไขพิเศษในสัญญา ติดตามว่ามีสินค้าพอจำหน่ายในสต๊อกของซัพพลายเออร์หรือไม่ และตรวจเช็คสถานะคำสั่งซื้อของคุณจากภายในแอป และคุณยังทำได้แม้การกำหนดราคาขายของตนโดยอ้างอิงจากราคาของซัพพลายเออร์
รับข้อเสนอที่ดีที่สุดด้วยการเรียกประกวดราคาจัดซื้อ ได้ราคาที่ดีที่สุด โดยการต่อรองกับผู้ค้าหลายราย เรียกประกวดราคาจัดซื้อ รวบรวมคำตอบจากผู้ค้าเข้าสู่กระบวนการและเปรียบเทียบข้อเสนอที่ได้รับ เลือกข้อเสนอที่ดีที่สุดแล้วส่งใบสั่งซื้อได้อย่างง่าย ๆ หลังจากนั้นจึงใช้การรายงานเพื่อวิเคราะห์คุณภาพของคู่ค้าของคุณ
นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้ข้อตกลงการสั่งซื้อในปริมาณมากเพื่อซื้อสินค้าจากซัพพลายเออร์ในราคาที่ได้ต่อรองไว้ โดยสั่งซื้อเป็นงวดตามช่วงเวลาที่กำหนด
ลำดับและประสิทธิภาพโฆษณา
เจ้าของธุรกิจที่เชี่ยวชาญรู้ดีว่าทุกวันนี้ผู้คนไม่เพียงแค่ออนไลน์
พวกเขาใช้ชีวิตออนไลน์ — เข้าถึงอุปกรณ์ที่ใกล้ที่สุดในช่วงเวลาที่ต้องการทราบ ทำ หรือซื้อบางอย่าง การอยู่ในที่ที่ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าหมายถึงการส่งเสริมธุรกิจของคุณทางออนไลน์ แต่คุณรู้ได้อย่างไรว่าคุณมีเงินในการโฆษณาให้ประสบความสำเร็จ?
ใช้โฆษณาแบบจ่ายต่อคลิก
กำหนดเป้าหมายของคุณเพื่อกำหนดงบประมาณของคุณ
เชื่อมต่อบัญชี Google Ads และ Analytics ของคุณ
ยึดติดกับงบประมาณของคุณ
บันทึกเครือข่ายดิสเพลย์ของ Google ไว้ใช้ในภายหลัง
กำหนดเป้าหมายสถานที่เฉพาะ
กำหนดเป้าหมายตำแหน่งที่ต่ำกว่าในผลการค้นหา
ลองคำหลักคำหลักหางยาว
สร้างแคมเปญเฉพาะ
ตรวจสอบและปรับ
ลองใช้กลยุทธ์และแคมเปญใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยใช้ข้อมูลจาก Google Ads และ Analytics จนกว่าการโฆษณาจะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ
1. ใช้โฆษณาแบบจ่ายต่อคลิก
การโฆษณาแบบจ่ายต่อคลิก (PPC) เช่น Google Ads ให้คุณควบคุมจำนวนเงินที่คุณต้องการใช้จ่าย รวมทั้งสถานที่และวิธีการใช้จ่าย ด้วยการจัดการงบประมาณของ Google Ads
คุณจะเสนอราคาสำหรับคำหลัก เชื่อมโยงบัญชี Google Analytics ของคุณกับบัญชี Google Ads ซึ่งเป็นคำที่ผู้คนใช้ค้นหาใน Google
ซึ่งเกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณเพื่อโอกาสในการแสดงโฆษณาในผลการค้นหาของ Google จากนั้น คุณจะจ่ายตามที่คุณเสนอราคา
หากพวกเขาคลิกโฆษณาของคุณเพื่อเข้าชมเว็บไซต์หรือโทรหาคุณ
คุณสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วิธีการทำงานของคำ หลัก ใน Google Ads ได้ที่นี่
นอกจากการเลือกคำหลักแล้ว คุณยังกำหนดงบประมาณของคุณเองและตัดสินใจว่าราคาเสนอของคุณจะเป็นเท่าใด โดยขึ้นอยู่กับเป้าหมายธุรกิจของคุณ ด้วยการวางแผนและการตรวจสอบ คุณสามารถมีกลยุทธ์เพื่อเพิ่มงบประมาณ Google Ads ของคุณให้สูงสุดและเชื่อมต่อกับผู้ชมใหม่ทางออนไลน์
2. กำหนดเป้าหมาย ของคุณเพื่อกำหนดงบประมาณของคุณ
คุณหวังว่าจะบรรลุผลสำเร็จอะไรด้วยการโฆษณาออนไลน์ คุณต้องการเพิ่มปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์หรือไม่? รับโทรศัพท์จากคนในพื้นที่มากขึ้นไหม สร้างการรับรู้ถึงธุรกิจของคุณในสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง หรือในหมู่ลูกค้ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
การทราบผลลัพธ์ที่ต้องการจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าจะใช้งบประมาณ Google Ads ไปกับเป้าหมายใดมากขึ้น จากนั้น คุณสามารถออกแบบแคมเปญเฉพาะหรือลองใช้กลยุทธ์บางอย่างเพื่อช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายเหล่านั้นและใช้งบประมาณที่ตั้งไว้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
3. เชื่อมต่อบัญชี Google Ads และ Analytics ของคุณ
แม้ว่า Google Ads จะบอกคุณว่าโฆษณาของคุณแสดงในการค้นหา (เรียกว่า "การแสดงผล") หรือเมื่อมีการคลิกกี่ครั้ง คุณจะไม่ทราบว่าการโต้ตอบเหล่านั้นนำไปสู่ Conversion
บนเว็บไซต์ของคุณหรือไม่ — ลูกค้าซื้อ โทรหา หรือเติม ในรูปแบบหรืออะไรก็ตามที่คุณต้องการให้พวกเขาทำ อย่างไรก็ตาม
Google Analytics
ซึ่งเป็นเครื่องมือฟรี สามารถแสดงให้คุณเห็นว่าลูกค้าทำอะไรเมื่อพวกเขาคลิกโฆษณาและเข้าชมไซต์ของคุณ
สมมติว่าคุณเป็นเจ้าของสตูดิโอถ่ายภาพที่ให้บริการถ่ายภาพบุคคลและงานกิจกรรม และคุณกำลังแสดงโฆษณาที่คลิกผ่านไปยังหน้าแรกของเว็บไซต์ของคุณ เมื่อคุณดูข้อมูล Google Analytics คุณเห็นว่าผู้เข้าชมส่วนใหญ่คลิกไปที่หน้า "บริการที่นำเสนอ" ทันที ซึ่งอาจหมายความว่าผู้เข้าชมพบว่าหน้าอื่นนี้เกี่ยวข้องกับสิ่งที่พวกเขาค้นหาและโฆษณาที่พวกเขาคลิกมากกว่า ดังนั้นคุณอาจต้องการเปลี่ยนหน้า Landing Page ของคุณเป็นหน้า "บริการที่นำเสนอ"
ในทำนองเดียวกัน Analytics สามารถแสดงให้คุณเห็นว่าผู้เข้าชมออกจากเว็บไซต์ของคุณทันทีหลังจากคลิกโฆษณาใดโฆษณาหนึ่ง นี่อาจบ่งชี้ว่าคำหลักที่คุณเลือกเพื่อเรียกโฆษณาของคุณในผลลัพธ์อาจไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณอย่างที่คุณคิด วิธีนี้ทำให้คุณมีโอกาสลองใช้คำหลักต่างๆ และดูว่าข้อมูลของคุณมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ (และประหยัดเงินสำหรับคำหลักที่ไม่ทำให้เกิด Conversion)
ข้อมูลประเภทนี้เกี่ยวข้องกับงบประมาณของคุณอย่างไร? การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ช่วยให้คุณให้บริการลูกค้าที่มีศักยภาพได้ดีขึ้น ซึ่งนำไปสู่ Conversion มากขึ้นหากพวกเขามีประสบการณ์ที่ดีกับธุรกิจและเว็บไซต์ของคุณ นอกจากนี้ หน้า Landing Page ที่เกี่ยวข้องมากขึ้นหรือคำหลักที่เหมาะสมสามารถเพิ่มคะแนนคุณภาพของโฆษณาของคุณ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการใช้งบประมาณ Google Ads ของคุณ ซึ่งสามารถช่วยลดต้นทุนต่อคลิกเฉลี่ยของคุณได้
ค้นหาข้อมูล เพิ่มเติมเกี่ยวกับคะแนน คุณภาพ
เมื่อคุณพร้อม โปรด ดูวิธีเริ่มใช้ Google Analytics กับบัญชี Google Ads ของคุณ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม