แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำแคมเปญโฆษณา
การทำโฆษณา “แคมเปญ Search” ที่มีโอกาสเข้าถึงกลุ่มคนที่มีโอกาสเป็นลูกค้า ด้วยเนื้อหาคุณภาพ ผ่านเว็บไซต์
เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้โฆษณา การวางแผน วิเคราะห์ กลไกการคาดการณ์ ภาพรวมพฤติกรรม การตัดสินใจที่มีต่อโฆษณาบนการตลาดเนื้อหา แบบจำลองข้อมูล (Evolution of Data Models) แบบจําลองการคาดการณ์ เป็นอีกแนวทางในการแก้ไขปัญหาเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลเชิงประจักษ์ และนำมากำหนดกลยุทธ์ เพื่อพัฒนาเหมืองข้อมูลขยายขนาดการจัดเก็บข้อมูล เพิ่มวิเคราะห์ข้อมูลบริบททางสังคมของผู้ใช้งานผ่านทางเว็บไซต์ รวมถึงการฝึกฝนและส่งเสริมการใช้ข้อมูลในองค์กร เพื่อช่วยเสริมความแม่นยำจากการตัดสินใจของผู้บริหาร
ทำไมการทำโฆษณาจึงคุ้มค่าสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก
- เพิ่มโอกาสในการค้นพบ: ช่วยให้ลูกค้าเจอธุรกิจของคุณได้ง่ายขึ้น
- เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย: กำหนดกลุ่มเป้าหมาย แสดงโฆษณาเฉพาะคนที่สนใจ
- สร้างการรับรู้: ทำให้ธุรกิจของคุณเป็นที่รู้จัก
- กระตุ้นยอดขาย: ดึงดูดลูกค้า เพิ่มโอกาสในการซื้อ
- สร้างฐานลูกค้า: ขยายฐานลูกค้า
- วัดผลได้: วิเคราะห์ผลลัพธ์ ปรับแต่งแคมเปญ
ตัวอย่าง:
- แคมเปญ Search: แสดงโฆษณาบน Google Search เมื่อลูกค้าค้นหาคำที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ
- แคมเปญ Display: แสดงโฆษณาบนเว็บไซต์ต่างๆ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่สนใจ
- แคมเปญ Social Media: แสดงโฆษณาบน Facebook, Instagram เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายบนโซเชียล
การทำโฆษณาที่มีประสิทธิภาพ
- กำหนดเป้าหมาย: ระบุกลุ่มเป้าหมาย ความต้องการ
- เนื้อหาคุณภาพ: ดึงดูดความสนใจ กระตุ้นการคลิก
- ลงทุนอย่างชาญฉลาด: กำหนดงบประมาณ เลือกแพลตฟอร์ม
- วัดผลและวิเคราะห์: ติดตามผลลัพธ์ ปรับแต่งแคมเปญ
ตัวอย่าง
- แคมเปญ Search: ใช้คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง เขียนเนื้อหาโฆษณาที่น่าสนใจ
- แคมเปญ Display: เลือกเว็บไซต์ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ใช้รูปภาพและวิดีโอที่ดึงดูดความสนใจ
- แคมเปญ Social Media: ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย โพสต์เนื้อหาที่ตรงกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย
ประเด็นสำคัญของการเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหา SEO / เริ่มต้นเรียนรู้การทำงาน สร้างความโดดเด่นให้ธุรกิจ
การวิจัยคำสำคัญ
- ระบุและรวมคำหลักและคำศัพท์ที่ผู้ใช้ค้นหาเพื่อค้นหาเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อของคุณ
คุณภาพและมูลค่าของเนื้อหา
- สร้างเนื้อหาที่ไม่ซ้ำใคร แม่นยำ และทันสมัย ครอบคลุมหัวข้อที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วน และมอบคุณค่าให้กับผู้อ่าน
ความสามารถในการอ่าน
- จัดโครงสร้างเนื้อหาโดยใช้หัวข้อ หัวข้อย่อย รายการ ตัวหนา และย่อหน้าสั้น เพื่อให้เข้าใจและย่อยได้ง่าย
เมตาแท็ก
- สร้าง แท็กชื่อเรื่องและคำอธิบายเมตาที่น่าสนใจและเกี่ยวข้องเพื่อกระตุ้นให้คลิกผ่านจาก SERP
องค์ประกอบบนหน้า
- เพิ่มประสิทธิภาพข้อความอื่นของรูปภาพ ชื่อไฟล์รูปภาพ และการเชื่อมโยงภายในเพื่อปรับปรุงวิธีที่เครื่องมือค้นหาตีความเนื้อหาของคุณ
ประสบการณ์ผู้ใช้
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเนื้อหาของคุณรองรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ โหลดได้อย่างรวดเร็ว และมอบประสบการณ์ผู้ใช้ที่ยอดเยี่ยม เนื่องจากนี่เป็นปัจจัยในการจัดอันดับ
ความตั้งใจในการค้นหาที่ตรงกัน
- เข้าใจเป้าหมายของผู้ใช้เมื่อพวกเขาทำการค้นหาและให้เนื้อหาที่ตอบสนองความต้องการและความตั้งใจของพวกเขาโดยตรง
การบูรณาการมัลติมีเดีย
- รวมรูปภาพ วิดีโอ และอินโฟกราฟิกที่เกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ใช้และแบ่งข้อความ
แนวทางการใช้การตลาดดิจิทัล
ขั้นตอนที่ 1. จัดระเบียบเนื้อหา หรือ "การตลาดเนื้อหาคุณภาพ"
- จัดการเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหา
- วิธีนี้เป็นวิธีที่ได้รับการคลิกจำนวนมาก และมีผลการสืบค้นเพื่อศึกษา ทำความเข้าใจ ก่อนการตัดสินใจซื้อ
- จัดทำเนื้อหาที่สร้างประโยชน์
- ส่งเสริมการสร้างอาชีพ เคล็ดลับสร้างรายได้ เทคนิคการซ้อมแซมยานพาหนะ ร่วมไปถึงการประดิษฐ์เฟอร์นิเจอร์จากวัสดุธรรมชาติ
- มุ่งเน้น เนื้อหาที่ใช้ได้จริงจะส่งผลให้ Content ที่มี "จำนวนผู้ชม", "ระยะเวลา" สื่อถึง "ความสนใจ" ที่มีคุณภาพสูง
- จัดทำเนื้อหาให้ตระหนักถึงการมีส่วนร่วม เช่น
- กิจกรรมจัดอบรมให้ความรู้ เพื่อดึงดูดลูกค้าเป้าหมาย และรักษาลูกค้าเก่าได้เป็นอย่างดี
- จัดทำโฆษณา โปรโมท เนื้อหา
- จัดกลุ่มผลิตภัณฑ์ เพื่อช่วยเพิ่มยอดขายด้วยกลยุทธ์ "เปิดตัวสินค้าใหม่"
- จัดกลุุ่มโปรโมชั่น "แถมสินค้ายอดนิยม" กำหนดโปรโมชั่นเพื่อส่งเสริมการขาย
- สนับสนุนการใช้สินค้า ด้วยบริการลูกค้าได้ทดลองสินค้าเปิดตัว ด้วยกลยุทธ์ "การซื้อจำนวนมาก" เพื่อรับสินค้า "ขายดี"
- จัดกิจกรรม "ลดราคาผลิตภัณฑ์ที่มียอดขายสูง" ได้รับความนิยม
- เพื่อสร้างกระแส ตอบรับที่ดี และเป็นที่จดจำ
- กรณีจัดเป็น Event Online เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก วิเคราะห์ความสนใจ ประเมินการมีส่วนร่วมด้วยเกณฑ์ที่มีคุณภาพได้ชัดเจน
ขั้นตอนที่ 2. เขียนรายละเอียดและเตรียมภาพ
- คําอธิบายผลิตภัณฑ์ควรเขียนให้สั้น 30 ในพาดหัว และ 90 อักษรใน พาดหัวรอง ข้อความมุ่งเน้นไปที่จุดขายหลัก เน้นการใช้ประโยชน์และแสดงถึงคุณสมบัติมากที่สุด
- รูปภาพที่สวยงาม คือ "ความคุ้มค่า 1 ภาพ เท่ากับ 1 พันคํา" และเป็นความจริง การถ่ายภาพผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมสามารถสร้างหรือทําลายยอดขายได้ ภาพประกอบที่ไม่ดีจะทําให้มูลค่าของผลิตภัณฑ์ลดลงอย่างชัดเจน
ขั้นตอนที่ 3. จัดวางหน้า
- ผลิตภัณฑ์ที่ขายดีและสร้างผลกําไรสูงควรได้รับตําแหน่งสําคัญและการจัดสรรพื้นที่มากที่สุด
- สร้างสมดุลระหว่างรูปภาพและข้อความตลอดเพื่อการผสมผสานข้อมูลและการมีส่วนร่วมที่ลงตัว
ขั้นตอนที่ 4. ออกแบบ
- สร้างการออกแบบหรือเทมเพลตที่คุณจะใช้ตลอดโดยเปลี่ยนเฉพาะหน้าขายดีคุณลักษณะหรือหน้าเซอร์ไพรส์ที่สะดุดตาเท่านั้นจากนั้นเปลี่ยนกลับเป็นโฟลว์ที่คุ้นเคย
- รักษาสี ตัวพิมพ์ แบบอักษร และรูปแบบการจัดวางให้สอดคล้องกัน และทําให้แน่ใจว่าแบรนด์ของคุณโดดเด่นและใช้งานได้ดีตลอด
ขั้นตอนที่ 5. การตลาดและการวิเคราะห์ตลาด
- ทําการตลาดผลิตภัณฑ์ของคุณโดยมีเป้าหมายเพื่อขายสินค้า ดังนั้นคําอธิบายที่ดี กระชับ ตอบโจทย์และข้อคัดค้านต่างๆ ของลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์
- เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลในการทำการตลาด จึงต้องมีการเชื่อมต่อกับชุดข้อมูลสาธารณะ ดังตัวอย่าง
- คลังโฆษณา Meta Facebook
- Google Trends
- Google Search
- Google Profile Business
- Google Analytic
- Google Shopping
- Web Application
* เว็บไซต์ถือเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยม และสร้างความนิยม วัดผลได้ชัดเจน - และเครื่องมือการตลาดดิจิทัลอื่นๆ มากมาย
ขั้นตอนที่ 6. ศึกษาวิธีการที่ดีที่สุด ในการทำโฆษณาเพิ่มยอดขาย
- จัดทำโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขาย
- กระตุ้นการแชร์โฆษณา
- แนวทางการออกแบบ โหษณา เน้นการบอกต่อ
- การจัดทำโฆษณาผ่าน Social Network
- การจัดทำโฆษณาผ่าน Google ADS
- การวิเคราะห์ Keyword จากผลการสืบค้นและการรวบรวมด้วยเครื่องมือวิเคราะห์ Keyword
- ปรับปรุงเนื้อหาบนเว็บไซต์หรือกำหนดแคมเปญเเมื่อบริบทในการนำเสนอหรือพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน
- จัดการทำโฆษณาแบบ Search ที่เปลี่ยนตามบริบท เหมาะสมที่สุดสำหรับเว็บไซต์ขายสินค้า
ขั้นตอนที่ 7. ศึกษาวิธีการทำงาน ทดลองและปรับปรุง
- การใช้ข้อมูลเชิงลึก สถิติที่ช่วยในการตัดสินใจ
- การนำข้อมูลจากการแบบสอบถาม Online ในรูปแบบ 1 ตัวเลือก หรือแบบหลายตัวเลือก เพื่อวิเคราะห์เชิงคุณภาพ
- การใช้ระบบสมาชิก ระบบบริการลูกค้า ระบบการสนทนา ระบบการวิเคราะห์ผลความสนใจการแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ
- การสืบค้นจากข้อมูล พฤติกรรมการใช้งานและจำนวนความสนใจเพื่อช่วยค้นหาผลกระทบ ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในสถานะการณ์ต่างๆ
- ข้อมูลเชิงลึกสามารถนำมาช่วยการปรับปรุงบริการแบบเจาะจงกลุ่มเป้าหมายหรือแบบตัวบุคคล
- การศึกษาคุณสมบัติเครื่องมือที่เหมาะสมกับวัฒนธรรมองค์กร รวมไปถึงซอร์ฟแวร์ที่มีผู้ใช้บริการอย่างถูกต้อง